จาก ‘Costco’ ถึง ‘Tops CLUB’ โมเดล ‘โกดัง-สมาชิก’ เสริมแกร่งค้าปลีกเซ็นทรัล

สารบัญ

กลุ่มเซ็นทรัล พร้อมเปิด ‘Tops CLUB’ โมเดลค้าปลีกใหม่ ต้นแบบจาก Costco สหรัฐส่งตรงถึงประเทศไทยทั้งรูปแบบศูนย์จำหน่ายสินค้าหรือ โกดัง(Warehouse store) ขายแก่ “สมาชิก” สินค้าเน้นแพ็คใหญ่เบิ้ม ‘ราคาสุดคุ้ม’ และมี KIRKLAND เฮ้าส์แบรนด์จาก Costco เป็นหนึ่งในไฮไลท์ดึงขาช้อป
โลกค้าปลีกพลิกโฉมตามพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป เทคโนโลยีเข้ามา “ดิสรัป” การชอปปิงรูปแบบเดิมๆ โดยเฉพาะการเดินเข้าไปซื้อสินค้าในศูนย์การค้า ห้างร้านต่างๆ ลดน้อยถอยลง หลายคนหันไปซื้อสินค้าด้วยปลายนิ้วผ่านออนไลน์มากขึ้น

ทว่ายักษ์ใหญ่ค้าปลีกของเมืองไทยอย่าง “เซ็นทรัล รีเทล” หรือบริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ของตระกูล “จิราธิวัฒน์” ไม่เคยหยุดพัฒนาโมเดลใหม่ๆ เพื่อเขย่าวงการ รวมถึงสร้างประสบการณ์ใหม่ดึงดูดลูกค้ากลุ่มเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง

ล่าสุดภายใต้กลุ่มเซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล เดินหน้าเปิด “ท็อปส์ คลับ”(Tops CLUB) ค้าปลีกที่มานำเสนอสินค้าราคาคุ้มค่าให้กับสมาชิกหรือโมเดล “เมมเบอร์ชิป สโตร์” และรูปแบบห้างยังเป็น “โกดัง” หรือ Warehouse store นั่นเอง ซึ่งทีมผู้บริหารย้ำว่าโมเดลใหม่นี้เป็นแห่งแรกในภูมิภาคอาเซียน

ส่วนในระดับโลก ไม่ต้องเดา เพราะยักษ์ใหญ่ Costco เป็นต้นแบบโมเดลดังกล่าว คือร้านเป็นโกดัง หรือศูนย์จำหน่ายสินค้า แต่เป็นค้าส่ง(Wholesale) และขายผ่านระบบ “สมาชิก” ไม่มีบัตรสมาชิก ช้อปไม่ได้ ซึ่งแต่ละปีมีผู้ใช้บริการนับกว่า “ร้อยล้านคน” ส่วนรายได้มากถึงหลัก “ล้านล้านบาท” และกำไรหลัก “แสนล้านบาท”

วันที่ 26 กันยายนที่ผ่านมา ทีมผู้บริหารเซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล ได้พาสื่อมวลชนทัวร์ Tops CLUB สาขาแรก ซึ่งตั้งอยู่ที่บริเวณด้านหลังศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา พระราม 2 มีความน่าสนใจมากมาย

อย่างแรกคือการพัฒนาโครงการ ที่อาคารภายนอกของ Tops CLUB เป็น “โกดัง” หรือศูนย์จำหน่ายสินค้าเพียงชั้นเดียว ไม่ต่างจากห้างแม็คโคร หรือไฮเปอร์มาร์เก็ตต่างๆ

เมื่อเข้าสู่ภายในตัวศูนย์จำหน่ายสินค้า จะเห็นโปรดักท์มากมายกว่า 3,500 รายการ และส่วนใหญ่ 70% เป็นการ “นำเข้า” จากต่างประเทศ ที่เบื้องต้นตัวเลขคือราว 20 ประเทศทั่วโลก เช่น ข้าวญี่ปุ่นส่งตรงจากญี่ปุ่น สาหร่ายต้องมาจากเกาหลีใต้ และแบรนด์ของกินของใช้จากสหรัฐ อาหารสด เช่น เนื้อสัตว์จากยุโรป สหรัฐ ไอศกรีมจากนิวซีแลนด์ ชาจากอาฟริกาใต้ เป็นต้น

แบรนด์ที่นำเข้ายัง “เอ็กซ์คลูสีฟ” คือมีจำหน่ายเฉพาะที่ Tops CLUB เท่านั้น เช่น ชา Carmien จากอาฟริกาใต้ ขนมขบเคี้ยวเพื่อสุขภาพ(สแน็ค)ผักยี่ห้อ DJ&A เครื่องครัว Mainstays อุปกรณ์กีฬา Lifetime ไอศกรีมยี่ห้อดังจากนิวซีแลนด์ KILLINCHY GOLD และของกินของใช้จากแบรนด์ KIRKLAND signature สหรัฐ เป็นต้น

KIRKLAND ถือเป็นสินค้าไฮไลท์ เพราะยี่ห้อนี้คือ House Brand ของ Costco ซึ่งโปรดักท์มีความหลากหลายมาก ประหนึ่งไม้จิ้มฟันยันเรือรบ แต่ที่ประเดิมนำเข้ามาขายใน Tops CLUB ได้แก่ ถั่วต่างๆ กาแฟ อุปกรณ์ เครื่องไม้เครื่องมือช่าง ฯ

ความเชื่อมโยงการเป็น “คู่ค้าพันธมิตร” กับ Costco ผ่านสินค้าแบรนด์ KIRKLAND มาสู่ Tops CLUB ยังน่าติดตามต่อ เพราะนอกจากโมเดลค้าปลีก ศูนย์จำหน่ายสินค้าโกดัง ระบบบัตรสมาชิก รวมถึง “ขนาด” ของศูนย์ยังใกล้เคียงกับ Costco ซึ่งปกติจะมีพื้นที่ราว 13,000 ตารางเมตร(ตร.ม.) ส่วน Tops CLUB สาขาแรกขนาด 15,000 ตร.ม.

ด้านการให้บริการภายใน Tops CLUB ที่เรียกว่าเป็นอีกไฮไลท์คือการมี “จุดชิมอาหาร” มากถึง 40 จุด ประจำหมวดหมู่สินค้าต่างๆ ที่ต้องเป็นเช่นนั้น เพราะสินค้าที่จำหน่ายในศูนย์ค่อนข้างเป็นบรรจุภัณฑ์หรือแพ็คใหญ่เบิ้ม ราคาต่อชิ้นแรง เช่น สแน็ค DJ&A กาแฟ KIRKLAND ราคาหลักพันบาท แต่เมื่อเทียบกับซื้อที่ซูเปอร์มาร์เก็ตถือว่า “ถูกกว่า” ค่อนข้างมาก อย่างกาแฟยี่ห้อดังยี่ห้อหนึ่งขายใน Tops CLUB ขนาด 1 กิโลกรัม(กก.)ราคาประมาณ 1,200 บาท เทียบซูเปอร์มาร์เก็ตราคาตกอยู่ที่ 2,000 บาท

แม้กระทั่งแพยางยูนิคอร์น-ฟลามิงโก้ยังเป็นไซส์ยักษ์ เก้าอี้นั่งปิ๊กนิก 1 ตัว รองรับได้ถึง 3 คน พ่อแม่ลูก รวมถึงน้องหมียักษ์สูง 3 เมตร เป็นต้น

การนำเข้าสินค้า อัตราแลกเปลี่ยนมีผลต่อ ราคาสินค้า ยอดขายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่บริษัทมีการบริการจัดการไว้เรียบร้อยแล้ว

“สินค้าที่จำหน่ายใน Tops CLUB บางรายการถูกกว่าซื้อในต่างประเทศด้วยซ้ำ”

การเปิดโมเดลใหม่ เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล ใช้เวลาศึกษามา 2 ปี สำรวจตลาดแล้วพัฒนาพร้อมเปิดให้บริการ 28 กันยายนนี้ โดยการเลือกทำเลพระราม 2 เปิดสาขาแรก เพราะมองอำนาจซื้อของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่ล้วนเป็นผู้บริโภคกระเป๋าหนัก หากวัดจากการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แนวราบ หรือบ้านเดี่ยวหรูๆ พระราม 2 ถือเป็นหนึ่งในทำเลทองเลยทีเดียว

ทั้งนี้ เมื่อดูขนาดตลาดในย่านดังกล่าวยังมีประชากรหลักล้านราย จากครัวเรือนนับแสน

โมเดลใหม่ สินค้าแตกต่าง ระบบัตรสมาชิกที่ขายสินค้าให้กับฐานลูกค้าในราคาคุ้มค่าสุดๆ บริษัทจึงเชื่อว่าจะได้การตอบรับที่ดีจากกลุ่มเป้าหมายแน่นอน ยิ่งกว่านั้นเด็กนอกหรือคนที่เคยไปเรียน ใช้ชีวิตในต่างประเทศ เห็นสินค้าไฮไลท์แล้ว ไม่พลาดควักเงินซื้อแน่นอน

“คนที่เคยอยู่ต่างประเทศ เมื่อเห็นแบรนด์และสินค้า ซื้อทันที” สิ่งที่การันตีความเห็นของผู้บริหารคือการรีวิว หรือสื่อต่างประเทศที่เขียนถึง KIRKLAND สินค้า House brand ของ Costco จำนวน 30 ลิสต์ ที่เห็นแล้วต้องซื้อ เป็นต้น

สินค้ากว่า 3,500 รายการ ทั้งอาหาร และข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ อุปกรณ์กีฬา เครื่องครัว สารพัดอย่าง มีเท่านี้ไม่พอ เพราะ Tops CLUB จะมีการนำสินค้าใหม่ๆ เข้ามาขายสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป มอบประสบการณ์ชอปปิงใหม่ๆให้กับนักช้อปชาวไทย

แล้วสมาชิกท็อปส์ คลับ มีกี่แบบ สมัครแล้วได้สิทธิประโยชน์อะไร คำตอบคือ การสมัครสมาชิกทำได้ 2 แบบ ได้แก่ 1.สมาชิกทั่วไป (Basic Member) สมัครฟรี! โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และ 2.สมาชิกระดับพรีเมียม (Premium Member) ค่าสมาชิกพิเศษเพียง 799 บาทต่อปี (เฉพาะโปรโมชั่นถึง 31 ตุลาคม 2565) จากปกติ 999 บาทต่อปี